วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556


การจัดหาอาวุธของกองทัพอากาศ

เครื่องบินรบและเครื่องบินฝึก

          โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทน บ.ข.18 - วันที่ 17 ตุลาคม เวลา 13.00 น.ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดแถลงข่าวการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่แบบกริพเพน/ซีดี จำนวน 12 ลำ ตามงบประมาณที่ ครม.อนุมัติไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยจะจัดซื้อลอตแรก จำนวน 6 ลำ เป็นจำนวนเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท โดยเป็นงบประมาณผูกพัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2555 โดยปี 2551 ตั้งงบไว้ที่ 1,900 ล้านบาท ปี 2552 จำนวน 7,065 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 5,595 ล้านบาท ปี 2554 จำนวน 2,960 ล้านบาท และปี 2555 จำนวน 1,480 ล้านบา

          ส่วนลอตที่สองอีก6 ลำ เป็นงบประมาณผูกพันตั้งแต่ปี 2556-2560 เป็นจำนวนเงิน 15,400 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 12 ลำ เป็นจำนวนเงิน 34,400 ล้านบาท โดยเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้จะนำมาทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ 5 ที่ประจำการอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะปลดประจำการในปี 2552-2554 แหล่งข่าวกองทัพอากาศเปิดเผยว่า กองทัพอากาศมีแผนในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่เพื่อมาทดแทนเครื่องบินแบบเอฟ 5 มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดย พล.อ.อ.ชลิต ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกแบบ โดยกองทัพอากาศให้ความสนใจในเครื่องบิน 3 รุ่น คือ เครื่องบินเอฟ 16 ซีดีของสหรัฐอเมริกา เครื่องบินซู 30 ของรัสเซีย และเครื่องบินกริพเพนของสวีเดน ก่อนจะมีการคัดเลือกในที่สุด


Saab JAS 39 Gripen of the Royal Thai Air Force
ในวันที่ 8 มกราคม 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินรบจำนวน 6 ลำ ดังมีการแถลงข่าวดังนี้
ประเด็นที่ 1 กระทรวงกลาโหมพิจารณาเห็นว่ากองทัพอากาศดำเนินการอันเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการภายใต้มติ ครม. ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม และกรอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ ตามข้อ 2 โดยจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินประจำการ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการโครงการเรียบร้อย ได้มีข้อเสนอ ดังนี้
1. ให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพอากาศ ดำเนินการจัดซื้อเครื่องบินกริปเปน จีอาร์ไอพีอีเอ็น 39 ซี/ดี จำนวน 6 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม การปรับปรุงอาคารสถานที่ และการบริหารโครงการ เป็นเงิน 19,000 ล้านบาท โดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล (จี2จี) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสวีเดน
2. ให้ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นผู้รับมอบอำนาจลงนามในข้อตกลงการซื้อขายเครื่องบิน ในนามรัฐบาลไทย รวมทั้งแก้ไขข้อตกลงการซื้อขายเครื่องบินโดยวงเงินรวมไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ มีการอธิบายจาก พล.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ข้อสรุปเพิ่มเติมว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว มีเงื่อนไขพิเศษที่รัฐบาลสวีเดนจะจัดให้ เป็นข้อที่ 3 คือ ทางรัฐบาลสวีเดน ในการเจรจากับคณะกรรมการ จะมีการจัดเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ ติดตั้งอุปกรณ์เรดาร์แบบอีรีอาย 1 เครื่อง หรือ 1 ลำ กับเครื่องบินลำเลียงแบบ SAAB-340 จำนวน 1 เครื่อง พร้อมทั้งทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 92 ทุน และระบบดาต้าลิงก์ สำหรับการป้องกันทางอากาศในระบบควบคุมและแจ้งเตือนภาคใต้ เพราะฉะนั้นเครื่องบินที่มีการตกลงนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน ลักษณะประเภทเครื่องบิน คือ 1 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำ และ 2 ที่นั่ง จำนวน 4 ลำ รวม 6 ลำ เฉพาะค่าจัดซื้อเครื่องบินพร้อมอุปกรณ์อะไหล่ และการฝึกอบรม 18,284 ล้านบาท
ส่วนเรื่องการปรับปรุงอาคารสถานที่และการบริหารโครงการ ในส่วนกองทัพอากาศรับผิดชอบ ซึ่งต้องดำเนินการก่อนและหลังการรับมอบเครื่องบิน เป็นเงิน 716 ล้านบาท ทั้งหมดมี 3 ประเด็นด้วยกัน
  • การพัฒนาเครื่องบินฝึกขั้นต้นใช้เอง - ในวันที่ 5 พ.ย. 50 พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีประจำการ บ.ชอ.2 ซึ่งกองทัพอากาศพัฒนาขึ้นเอง โดยใช้เครื่องบินฝึกแบบที่ 15 (SF-260) ซึ่งปัจจุบันประจำการในประเทศฟิลิปปินส์ และฟิลิปปินส์เพิ่งสั่งซื้อเพิ่มเติม 18 ลำในปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นแบบ แต่ได้แก้ไขแบบจากเดิม 3 ที่นั่งให้เป็น 4 ที่นั่ง โดยจะใช้เป็นต้นแบบในการทดลอง และศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาเป็นเครื่องบิน บ.ทอ.6 เพื่อเข้าประจำการและมีแผน ผลิตเพื่อจำหน่ายให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต

บ.ชอ.2 ที่กองทัพอากาศพัฒนาขึ้นเอง ขณะกำลังบินทดสอบ
  • การจัดซื้อเครื่องบินฝึก DA42 Twin Star - เดือนตุลาคม 2551 กองทัพอากาศยังได้จัดซื้อเครื่องบินฝึกแบบ DA42 Twin Star จำนวน 6 ลำ เพื่อมาเป็นเครื่องบินฝึกให้กับศิษย์การบินที่จะไปทำการบินกับเครื่องบินลำเลียงและเครื่องบินพระที่นั่งของกองทัพอากาศ

เครื่องบินลำเลียงและเฮริคอปเตอร์

  • การปรับปรุง C-130 - บริษัท Rockwell Collins ได้รับสัญญาจากบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของกองทัพอากาศ ให้จัดหาอุปกรณ์สื่อสาร นำร่อง ตรวจการณ์ และระบบจัดการจราจรทางอากาศสำหรับเครื่องบินลำเลียง C-130 ทั้ง 6 ลำ เป็นสัญญาที่สองหลังจากได้รับสัญญาแรกไปแล้วสำหรับ C-130 จำนวน 6 ลำแรก 

  • การจัดหาเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งลำใหม่ - โดยปกติแล้ว เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งจะมีอายุการใช้งานในการเป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งหลักค่อนข้างสั้นกว่าเครื่องบินพระที่นั่ง (เพื่อความปลอดภัยสูงสุด) โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งลำที่ประจำการอยู่ในปัจจุบันมีอายุครบกำหนดแล้ว จึงมีการจัดหาฮ.พระที่นั่งลำใหม่ครับ คือ S-92 จาก Sikorsky โดยจัดหาจำนวน 3 ลำ และจะได้รับมอบในปี 2010
  • การจัดซื้อเครื่องบินโดยสาร ATR-72 - กองทัพอากาศได้จัดหาเครื่องบินโดยสาร ATR-72 จำนวน 4 ลำ จากบริษัทผู้ผลิตในฝรั่งเศส เพื่อทดแทน Avro-748 ที่มีอายุการใช้งานนานเกือบ 40 ปี โดยจะได้รับมอบเครื่องบินในปี 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น